กลุ่มเช่าประมูล


กลุ่มประมูลซื้อขายพระ เครื่องราง
(facebook)

วิธีดูเขี้ยวสัตว์
แยกแยะเขี้ยว

กลุ่มหนึ่งตู้ม้า

LINE ID: 
spyamulet

FACEBOOK
หนึ่ง ตู้ม้า

สำหรับผู้สนใจ

ของศักดิ์สิทธิ์มีพลังมากขึ้นนั้น ต้องอาศัย"หัวใจของผู้บูชา"ด้วยเช่นกัน

***เคล็ดความศักดิ์สิทธิ์***
จะให้ของศักดิ์สิทธิ์มีพลังมากขึ้นนั้น ต้องอาศัย"หัวใจของผู้บูชา"ด้วยเช่นกัน
ยิ่งศรัทธามากเท่าไหร่ ยิ่งขลังมาก!!! 
ยิ่งมากคนบูชา ยิ่งมากความศักดิ์สิทธิ์

มีดหมอ

มีดหมอฤาษีปราบมาร
กันเสนียดจัญไร ภูตผีปีศาจ 
เปิดให้บูชา 900 บาท สั่งของ  โทร.085-1574647(หนึ่ง ตู้ม้า)

เหล็กล้างอาถรรพ์
    เหล็กน้ำพี้เมื่อตีเป็นมีดหรืออาวุธหรือของใช้ต่าง ๆ เนื้อเหล็กจะมีความเหนียวและอ่อน สามารถงอได้ตามต้องการ เพื่อที่จะซุกซ่อนไม่ให้ศัตรูมองเห็น และหากฟาดฟันไปตรงร่างของผู้ใด แม้ผู้นั้นจะเป็นผู้มีวิชาอาคมสูงถึงขนาดอยู่ยงคงกระพันฟันแทงไม่เข้า แต่หากโดนคมดาบน้ำพี้เข้าแล้ว ความเหนียว ความคงกระพันที่เคยมีกลับสูญสลายไปอย่างหมดสิ้น  อานุภาพของดาบเหล็กน้ำพี้กล่าวกันว่า ไม่เฉพาะจะล้างอาถรรพ์กับผู้มีวิชามนต์คาถาเท่านั้น แม้แต่จิตวิญญาณหรือภูตผีปีศาจยังเกรงกลัว

อานุภาพจากก้อนแร่เหล็ก

    นางจำรัส เชื้อนพคุณ ชาวบ้านน้ำพี้เล่าว่า หลานชายรับราชการทหารอยู่ที่จังหวัดน่าน อันเป็นดินแดนที่เคยมีผู้ก่อการร้ายชุกชุมมาก วันหนึ่ง ขณะที่หลานชายของนางจำรัส ออกลาดตระเวรกับเพื่อนทหารด้วยกันได้เกิดปะทะกับผู้ก่อการร้าย ถูกถล่มรอดมาได้อย่างอัศจรรย์ ทั้ง ๆ ที่โดนกระสุนปืนและสะเก็ดระเบิดจนเสื้อผ้าขาด แต่เนื้อตัวกลับไม่มีบาดแผลอะไร นางจำรัสเชื่อว่า ที่หลานชายแคล้วคลาดปลอดภัยมานั้น เป็นเพราะอานุภาพของก้อนเหล็กน้ำพี้ ที่มอบให้และนำติดตัวไว้เป็นประจำเพียงอย่างเดียว นางจำรัสจึงเชื่อว่า แร่เหล็กน้ำพี้ มีความศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ รวมทั้งชาวบ้านคนอื่น ๆ ก็เชื่ออย่างนี้ทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางไปไหนไกล ๆ ถ้าพกแร่เหล็กน้ำพี้ติดตัวไปด้วยเสมอ จะแคล้วคลาดปลอดภัยทุกครั้ง

สับด้วยมีด
    พระอธิการเจียน ปุณฺณธมฺโม เจ้าอาวาสวัดบ้านน้ำพี้เล่าว่า ได้แจกวัตถุมงคลให้กับชาวบ้านไปมากมาย ล้วนทำด้วยแร่เหล็กน้ำพี้ วันหนึ่งโยมจากสุโขทัยมาขอวัตถุมงคลเพิ่มเติม และเล่าว่าเขาเป็นพ่อค้าขายหมู บังเอิญเกิดทะเลาะกับพ่อค้าหมูด้วยกันและโดนสับด้วยมีด แต่มีดที่คมกริบนั้นไม่ระคายผิวของเขาเลย คู่ทะเลาะวิวาทเห็นว่าเขาหนังเหนียวฟันไม่เข้า จึงตกใจวิ่งหนีไปเรื่องจึงสงบ

ลำแสงประหลาด
    เกี่ยวกับอภินิหาร หรือความอาถรรพ์ของแร่เหล็กน้ำพี้และบ่อเหล็กน้ำพี้นั้น ประชาชนในบ้านน้ำพี้และในเขตหมู่บ้านข้างเคียง มีความเชื่อถือว่า บ่อเหล็กน้ำพี้รวมทั้งเจ้าพ่อบ่อเหล็ก มีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ไม่มีใครกล้าไม่มีใครบังอาจล่วงเกินอย่างเด็ดขาด เพราะส่วนใหญ่มักได้เจอดีถ้าคิดอยากลองดีเสมอ ๆ และได้เห็นกันจริงทุกยุคทุกสมัย ที่บ่อเหล็กน้ำพี้แห่งนี้ วันดีคืนดี ก็จะเกิดมีลำแสงประหลาดลุกโชนสว่างไสว ผุดขึ้นบริเวณบ่อเหล็ก ลำแสงจะพุงขึ้นสู่ท้องฟ้า เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนาน 2-3 นาที แล้วก็หายไปในอากาศ บางคราวลำแสงก็พุ่งไปตามยอดเขาสูง ๆ ในแถบนั้น

เสือลายพาดกลอน
    บ่อยครั้งที่ชาวบ้านในละแวกนั้น ออกไปทำไร่ ทำนา ต้องเดินผ่านศาลเข้าพ่อ มักจะได้พบเสือตัวใหญ่ลายพาดกลอน หยุดยืนขวางทางนิ่งอยู่เฉย ๆ บ้างเดินผ่านเส้นทาง แล้วกระโจนหายเข้าไปในบ่อเหล็กน้ำพี้ เป็นที่น่าหวาดเสียวกันอยู่ทั่วไป แต่ไม่เคยมรปรากฏว่าชาวบ้านหรือสัตว์เลี้ยงถูกเสือทำอันตราย ชาวบ้านต่างรู้กันดีว่า นั่นไม่ใช่เสือธรรมดา แต่เป็นพาหนะของเจ้าพ่อบ่อเหล็กน้ำพี้ หรือ พ่อเลี้ยง

ว่ายน้ำบนบก
    มีชายคนหนึ่งมีอายุครบบวชเรียน แต่ยังไม่ได้บวช คุณตาของชายหนุ่มเคยบอกว่า ควรไปหาแร่เหล็กน้ำพี้มาติดตัวไว้ เพราะจะป้องกันเภทภัยอันตรายได้ ชายหนุ่มได้พยายามดั้นด้นไปจนถึงบ่อเหล็กน้ำพี้ เมื่อถึงที่หมายแล้วก็เลือกได้ก้อนแร่สีดำเกลี้ยง ผิวเป็นมัน สีเขียวออกปนแดงเล็กน้อย ก้อนโตขนาดผลมะกอก น้ำหนักผิดจากหินธรรมดาทั่วไป มั่นใจว่าต้องใช่เหล็กน้ำพี้แน่ จับได้กระชับมือจึงได้นำติดตัวไปทั่วทุกทิศ แล้วฝนก็ตกหนักอย่างชนิดที่ไม่ลืมหูลืมตา ฉับพลันน้ำป่าก็หลาก ไหลมาไม่ขาดสายมากขึ้น จนต้องลอยคอว่ายน้ำกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอด เสียงฟ้าร้องฟ้าฟาดจนแสบแก้วหู เปรี้ยงป้าง ยอดไม้โอนเอนไปมา รู้อย่างเดียวว่าจะต้องหนีให้พ้นจากที่ตรงนี้ให้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว เพราะเหนื่อยจนจะขาดใจอยู่แล้ว สำนึกสุดท้ายบอกตัวเองว่า ต้องตายแน่เราต้องตายแน่ ๆ แต่ดีหน่อยที่แร่เหล็กน้ำพี้ยังมีอยู่ที่ตัวเราคงไม่เป็นไร ใจเริ่มชุมชื้นขึ้นบ้าง มีกำลังตะเกียกตะกายต่อไป  มารู้อีกครั้ง เมื่อเกิดความรู้สึกแสบที่หน้าอก หัวใจปวดแสบปวดร้อนอ่อนเพลีย เหลียวกลับไปดูทิศทางที่ว่ายน้ำหนีมาแทบตายเมื่อครู่ ไม่เห็นว่าจะมีอะไร สภาพป่ายังคงอยู่ตามปกติ  ไม่มีร่องลอยของน้ำป่าไหลหลากหลงเหลืออยู่เลย ถ้าเช่นนั้นก็แสดงว่า เราว่ายน้ำบกไม่ใช่ว่ายน้ำจริง ๆ กล้ามเนื้อทุกส่วนยังคงกระตุกเต้น แขนขาสั่นเทา เมื่อยขบไปทั้งตัว ไม่ใช่ความฝันแน่นอน เมื่อพักเหนื่อยพอมีแรงก็เดินต่อไป จนถึงบ้าน จึงเล่าเรื่องที่ประสบมาให้คุณตาฟัง ท่านจึงบอกว่าผิดตรงที่ไม่บอกเจ้าพ่อก่อน ท่านหวง ท่านเป็นผู้ดูแล ถ้าท่านไม่ให้แล้วใครเอาไป ก็จะเกิดเภทภัยอาเพศต่าง ๆ นานา หลับก็ฝันเห็นคนแก่นุ่งขาวห่มขาว มาบอกเอาแร่ไปคืนที่เดิม บาคนก็ละเมอเพ้อพก เจ็บป่วยอยู่เป็นแรมเดือน ผู้เฒ่าผู้แก่ต้องจัดทำพิธีขอขมาลาโทษ แล้วก็นำก้อนแรน้ำพี้ไปคืนที่เดิม ก็จะหายป่วยเป็นปรกติดี มาจนถึงปัจจุบันนี้ ผู้ใหญ่มักจะสั่งสอนลูกหลานว่า อย่าไปเที่ยวเล่นหรือพูดจาระรานหมิ่นแหม่ แสดงถึงความไม่เคารพต่อเจ้าพ่อ ที่บ่อเหล็กน้ำพี้เป็นอันขาด


เจ้าพ่อล้มควาย

    ที่บ้านน้ำพี้ เมื่อถึงปีวาระ ชาวบ้านจะจัดทำพิธีรดน้ำดำหัวผู้เฒ่าผู้แก่ ตลอดถึงพิธีพิเศษให้กับเจ้าพ่อบ่อพระแสง เป็นประเพณีบวงสรวง จะจัดทำทุกปีเพื่อแสดงความเคารพ ที่เคยบนบานศาลกล่าว ให้เจ้าพ่อปกป้องคุ้มครองช่วยเหลือ ในฐานะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณกาล ก็มาทำการแก้บน มีชาวบ้านคนหนึ่งบนบานกับเจ้าพ่อว่า ถ้ากิจนี้สำเร็จ ด้วยบารมีของเจ้าพ่อเมตตาอนุเคราะห์ข้าน้อยจะให้ควายด่อน (ความสีเผือก) แก่เจ้าพ่อตัวหนึ่ง กล่าวกันว่าพอเสร็จกิจ ผู้บนได้จุดธูปปักบอกกล่าวกับเจ้าพ่อ แล้วเดินไปแก้เชือกควายด่อน ที่ผูกไว้ข้างคอก พอเชือกหลุดมันจะวิ่งลัดออกไปยังบ่อเหล็กน้ำพี้ เมื่อถึงก็ล้มลง ขาดใจทันทีเรื่องนี้ผู้เล่าบอกว่า เป็นความจริง และได้ยินจากปากคนทรงว่า ไม่ต้องล้มมันเจ้าพ่อล้มเอง

หญิงสาวถูกถีบ

    วันหนึ่ง มีผู้มาแก้บนที่ศาลเจ้าพ่อโดยใช้ร่างทรง และมีการล้มควายด่อน เพราะทราบว่าเจ้าพ่อชอบทานเนื้อควายด่อน ชาวบ้านจึงช่วยกันทำลาบลู่(ลาบดิบ) กะละมังใหญ่พร้อมกับเครื่องเซ่นไหว้อื่น ๆ อีกหลายอย่าง เมื่อถึงเวลา หญิงสาวคนหนึ่งก็อาสายกกะละมังไปถวาย พอขึ้นไปถึงศาลเจ้าพ่อ ยังไม่ทันวางกะละมัง ก็ปรากฏว่าหญิงสาวที่ยกกะละมังนั้น หงายท้องตีลังกา ตกลงมาจากศาลในลักษณะไม่เป็นท่า พอลุกขึ้นได้ก็เล่าให้ฟังว่า ได้เห็นแวบเดียวเหมือนเท้าใครคนหนึ่งถีบยันเต็มหน้า พราดเดียวหลบไม่ทันเลย ร่างทรงบอกว่า มันไม่เคารพข้า บังอาจควักกินก่อนเอามาให้ กูต้องสั่งสอนมัน และไม่ยอมรับเครื่องเซ่นไหว้ในครั้งนี้ด้วย หญิงคนนั้นยอมรับว่าเป็นความจริงตามที่เจ้าพ่อว่าทุกประการ
...........มีดหมอ "ดีทางป้องกันภูตผีปีศาจ ขับไล่วิญญาณ"...........


มีดหมอ "ดีทางป้องกันภูตผีปีศาจ ขับไล่วิญญาณ"
         อาวุธในทางไสยศาสตร์ที่เป็นของติดตัวบรรดาท่านเกจิอาจารย์ อีกอย่างหนึ่งคือ มีดหมอ ซึ่งทำสำเร็จด้วยวัสดุประจุอาคมของขลัง เนื้อโลหะที่นำมาใช้ทำมีดหมอนั้น ต้องนำมาจากที่พิเศษอันเป็นสถานที่ ๆ ต้องบุกบั่นไปเอามาด้วยความยากลำบากฝ่าฟันอันตราย มีดหมอนี้ใช้สำหรับปราบภูตผีปีศาจที่มารบกวนมนุษย์ ถือโอกาสสิงสู่ในร่างของคนอ่อนแอ คนมีอายุ หญิงสาว ในการทำพิธีขับไล่วิญญาณร้ายเหล่านี้จะใช้อาคมเสกเป่า ก่อนเมื่อไม่ได้ผลคือวิญญาณนั้นไม่ยอมออกจากร่างและสำแดงฤทธิ์ต่อไป อาจารย์ท่านก็จะใช้มีดหมอเป็นอาวุธ ขั้นสุดท้าย ซึ่งมักจะได้ผลเสมอแทบทุกรายอย่างในเรื่อง ขุนช้าง ขุนแผน ได้กล่าวถึง ตำรา การทำมีดหมอ ไว้อย่างละเอียด คัดตอนขุนแผนประกอบพิธีสร้างมีดหมอ ดังต่อไปนี้
ครานั้นขุนแผนแสนสนิท                      เรืองฤทธิ์รังสีไม่มีสอง

ได้ลูกชายเชี่ยวชาญกุมารทอง               ก็สมปองคิดไว้แต่ไรมา

จะจัดแจงตีดาบไว้ปราบศึก                   ตรองตรึกหาเหล็กไว้หนักหนา

ได้เสร็จสมอารมณ์ตามตำรา                  ท่านวางไว้ในมหาศาสตราคม

เอาเหล็กยอดเจดีย์มหาธาตุ                  ยอดปราสาททวารามาประสม

เหล็กขนันผีพลายตายทั้งกลม               เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร

หอกสัมฤทธิกริชทองแดงพระแสงหัก      เหล็กปฏักสลักประตูตะปูเห็ด

พร้อมเหล็กเบญจพรรณกลเม็ด              เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้

เอาเหล็กไหลเหล็กหล่อบ่อพระแสง        เหล็กกำแพงน้ำพี้ทั้งเหล็กแร่

ทองคำสัมฤทธิ์นาคอแจ                       เงินที่แท้ชาติเหล็กทองแดงดง
เอามาสุมคุมคอยเข้าเป็นแท่ง                เผาให้แดงตีแผ่แช่ยาผง
ไว้สามวันซัดเหล็กนั้นเล็กลง                 ยังคงแต่พอลามตามตำรา
ซัดเหล็กครบเสร็จถึงเจ็ดครั้ง                 พอกระทั่งฤกษ์เข้าเสาร์สิบห้า
ก็ตัดไม้ปลูกศาลขึ้นเพียงตา                  แล้วจัดหาสารพัดเครื่องบัตรพลี
เทียนทองติดตั้งเข้าทั้งคู่                      ศีรษะหมูเป็ดไก่ทั้งบายศรี
เอาสูบทั้งตั้งไว้ในพิธี                           เอาถ่านที่ต้องอย่างวางในนั้น
ช่างเหล็กดีฝีมือลือทั้งกรุง                     ผ้าขาวนุ่งผ้าขาวห่มดูคมสัน
วางสายสิญจน์เสกลงเลขยันต์               คนสำคัญคอยดูที่ฤกษ์ราชสีห์
ขุนแผนสูบเหล็กให้แดงดี                     นายช่างตีรีดรูปให้เรียวปลาย
ที่ตรงกลางกว้างงามสามนิ้วกึ่ง                ยาวถึงศอกกำมาหน้าลูกไก่
เผาซุบสานแดงแทงตะไบ                     บัดเดี๋ยวใจเกลี้ยงพลันเป็นมันยับ
งามดีมิได้มีขนแมวพาด                        เลื่อมปราดเนื้อเขียวดูคมหนับ
เลื่อมพรายคล้ายแสงแมลงทับ               เปล่งปลาบวาบวับคล้ายแสงตะวัน
ด้ามนั้นทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์                  จารึกยันต์พุทธจักรที่เหล็กกั่น
เอาผมพรายร้ายดุประจุพลัน                  แล้วเอาชันกรอกด้ามเสียบัดดล
ครั้นเสร็จสรรพจับแกว่งแสงวะวับ            เกิดโกลาฟ้าพยับโพยมหน
เสียงอื้ออึงเอิกเกริกได้ฤกษ์บน               ฟ้าคำรณฝนพยับอยู่ครั่นครื้น
ฟ้าผ่าเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงโด่งดัง               ขุนแผนจิตฟูให้ชูชื่น
ได้นิมิตฟ้าเปรี้ยงดังเสียงปืน                  ให้ชื่อว่าฟ้าฟื้นอันเกรียงไกร
ยกขึ้นวางกลางศาลอ่านพระเวท             โดยเดชดาบดิ้นกระเดื่องไหว
เห็นประจักษ์ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกร              ดีใจได้สมอารมณ์ปอง
เอาไม้ระงับสรรพยามาทำฝัก                 ประสมผงลงรักให้ผิวผ่อง
กาบหุ้มต้นปลายลายจำลอง                  ทำด้วยทองถ้วนบาทชาติบางตะพาน

         การสร้างมีดหมอในยุค ต่อๆมา วัสดุในการสร้าง เช่น โลหะ จากสถานที่ดังกล่าวในเรื่องข้างต้นแล้วหาได้ยาก  พระเกจิอาจารย์จึงได้ใช้เหล็กธรรมดาผสมกับตะปูตอกโลงผีตายโหงบ้าง ตะปูสังขวานร (ตะปูโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา) บ้าง หล่อหลอมและตีเป็นใบมีด ส่วนด้ามมีดนั้น จะนิยมนำงาช้างมาแกะเป็นรูปต่าง ๆ เช่น รูปท้าวเวสสุวัณ ฤาษี หรือรูปในวรรณคดีต่าง ๆ
         มีดหมอในรุ่นหลังๆ ต่อมานี้ นิยมเอากัลปังหา เอามาทำด้ามมีด เพราะถือว่า "กัล" ซึ่งหมายถึงการออกเสียงว่า "กัน" เป็นนิมิตโฉลกดี คือป้องกันนั่นเอง แม้แต่กัลปังหาขนาดใหญ่ที่จะนำมาทำด้ามมีดหมอ เพื่อความคงขลังในปัจจุบันก็หาได้ยากยิ่ง
         ตำราการสร้างมีดหมอมีอีกหลายอาจารย์ แต่ตำรับเดิมนั้นน่าจะเป็นของในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ซึ่งในยุคนั้น ระยะแรก ๆ บรรพบุรุษของไทยเราต้องรบกับข้าศึกอยู่เสมอมิได้ขาดมีดหมอ จึงมีความสำคัญคู่กับประวัติศาสตร์ไทยอีกชั้นหนึ่ง

ตำนาน ประวัติพระฤาษี
              ประวัติตำนานเกี่ยวกับผู้วิเศษคือเรื่องราวหนึ่งในตำนานที่ถูกกล่าวขานอยู่ทั่วโลก   อย่างในสุวรรณภูมิเรานั้นมีเรื่องราวผู้วิเศษหลายท่าน ทั้งที่เป็นพระอรหันต์ และพระฤษีผู้ทรงฤทธิ์ รวมทั้งเป็นผู้ที่ปฏิบัติตามหลักโยคะศาสตร์ต่างๆ เช่น เล่นว่านยา เล่นแร่แปรธาตุ เล่นอาคม ก็สามารถเข้าถึงอำนาจลึกลับเหนือธรรมชาติได้ จากตำนานทั่วไปเราพบว่าอำนาจวิเศษทั้งหลายเหล่านั้นมักจะพบอยู่ในผู้ที่ออกบวช  โดยเฉพาะเหล่าฤษีทั้งหลาย ทั้งนี้ฤษีคือพวกออกบวชพระพฤติพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัด และเข้าถึงอำนาจแห่งพระเป็นเจ้า โดยมากนั้นฤษีมักนับถือพระเป็นเจ้าตามคติลัทธิพราหมณ์ คือ นับถือพระพรหมธาดา พระศิวะ พระนารายณ์ การภาวนาของฤษีอยู่ในหลักของการเล่นพลัง การเล่นกสิณ ดังนั้น ฤษีจำนวนไม่น้อยจึงบรรลุถึงอำนาจที่เหนือธรรมชาติจากการปฏิบัติโยคะทางจิต อำนาจของฤาษีที่บรรลุฌานสมาบัตินั้น
              ได้แก่ อำนาจในการเดินบนแผ่นน้ำ การดำดิน การเหาะขึ้นไปบนฟ้า การย่นย่อระยะทาง การรู้วาระจิต การได้หูทิพย์ ตาทิพย์ และอำนาจจิตในการบังคับควบคุมธาตุทั้ง 4 ได้อย่างเด็ดขาด เหล่านี้คืออำนาจที่อยู่ในพระฤาษีที่ลุถึงความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเป็นเจ้า
              เรื่องราวของพระฤาษีตาไฟนั้นความจริงแล้วเป็นเรื่องลี้ลับเพราะนามพระฤาษีตาไฟนั้นปรากฏมาเป็นเวลานานนับพันปี ความลี้ลับของพระฤาษีตาไฟนั้นพอเทียบได้กับเรื่องราวของหลวงปู่เทพโลกอุดรที่ยากจะสืบค้นความจริงได้ ในปัจจุบันจะเห็นว่าการสร้างรูปเคารพของพระฤาษีตาไฟนั้นมักปรากฏเป็นพระฤาษีที่มีสามตา โดยมีตาที่สามกลางหน้าผาก ตามตำนานกล่าวไว้ว่า ตาที่สามของพระฤาษีตาไฟนี้ลืมขึ้นมาเมื่อใดจะบังเกิดเป็นไฟประลัยกัลป์ขึ้นเมื่อนั้น ลักษณะของตาที่สามของพระฤาษีตาไฟนี้ ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่มีบุญและมีตบะฌานที่แก่กล้า ตามคติทางพราหณ์และพุทธนั้นกล่าวว่าบุคคลที่ได้บำเพ็ญเพียรทางจิตมาหลายร้อยหลายพันชาติ เป็นอนันตชาตินั้น เมื่อบังเกิดขึ้นมาในภพชาติปัจจุบันจะมีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเป็นผู้ที่มีบุญเกิดขึ้นกับร่างกายหลายอย่าง และอย่างหนึ่งก็คือการมีอุณาโลมที่กลางหน้าผาก อุณาโลมกลางหน้าผากนี้กับภาวะตาที่สามเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน เพราะถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งตาที่สามหรือดวงตาแห่งเทพเจ้า
              พระอิศวรหรือพระศิวะถือว่าเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดท่านหนึ่ง ตามตำนานกล่าวว่าพระองค์ทรงมีสามตา โดยตาที่สามพระองค์นั้นอยู่กลางหน้าผากดุจเดียวกับพระฤาษีตาไฟ และเหมือนกันอีกประการ หนึ่งก็คือ เมื่อใดก็ตามที่พระอิศวรทรงลืมพระเนตรขึ้น เมื่อนั้นย่อมบังเกิดไฟประลัยกัลป์ขึ้นมา ความเหมือนกันโดยบังเอิญของตำนานพระอิศวรและพระฤษีตาไฟที่พ้องกันเช่นี้ทำให้เชื่อว่าท่านทั้งสองคือพระฤษีตาไฟและพระอิศวรย่อมมีความเกี่ยวพันไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งและพอเชื่อได้ว่าพระฤษีตาไฟแท้จริงแล้วก็คือภาคหนึ่งของพรศิวะหรือพระอิศวรเจ้านั้นเอง
              ในหมู่บรรดาฤษีโยคีทั้งปวงแล้ว ต้องนับถือว่าพระอิศวรหรือพระศิวะเป็นใหญ่สูงสุด เพราะพระอิศวรหรือพระศิวะนั้นแท้จริงแล้วคือบรมโยคีหรือมหาโยคี เป็นเทพพรหมฤาษีที่ทรงตบะสูงสุด ทั้งนี้ฤษีทั้งหลายย่อมบูชาโดยตรงต่อองค์พระศิวะด้วยกันทั้งสิ้นและนับถือกันว่าพระศิวะนี้ คือพระเป็นเจ้า พระศิวะคือต้นตอแห่งฤษีทั้งหลาย การบำเพ็ญทั้งหลายของฤษีโยคีย่อมมุ่งตรงต่อพระศิวะทั้งสิ้น และด้วยเหตุนี้พระฤษีตาไฟ พระฤาษีตรีเนตร และพระฤษีอิศวร ซึ่งแท้จริงก็คือท่านเดียวกัน ย่อมมีฐานะเป็นฤษีสูงสุดเป็นเจ้าแห่งฤษีทั้งปวง และย่อมเป็นประธานแห่งฤษีทั้งหลายด้วย
 
ความหมายแห่งตาที่สาม              หนึ่งในเรื่องที่น่าสนใจอีกเรื่องเกี่ยวกับพระฤษีตาไฟ คือ เรื่องตาที่สามของพระคุณเจ้าฤษีตาไฟ เพราะตาที่สามของพระฤษีตาไฟนั้น นับเป็นจุดศูนย์รวมพลังงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระองค์ จุดตาที่สามนี้หากเราทำการค้นคว้าสอบถามครูบาอาจารย์และนักพลังจิตจะพบว่า เป็นจุดกึ่งกลางหน้าผากของคนเรานั้นเป็นจุดศูนย์รวมพลังงานลี้ลับ ทางโยคะศาสตร์เรียกตรงนี้ว่า “อาชญะจักรา” หรือตาที่สาม เป็นจุดที่สามารถปลดปล่อยพลังงานทางจิตในระดับสูง และกล่าวว่าผู้ใดก็ตามที่สามารถพัฒนาจุดศูนย์รวมพลังงานตำแหน่งนี้ (จักรา) จะเกิดอำนาจทางทิพยจักษุญาณและหากกล่าวถึงการฝึกเพื่อเปิดตาสามตามแนวทางโยคีทางฮินดูแล้ว จะกล่าวถึงวิชาโยคะศาสตร์อันเร้นลับที่เชื่อว่าภายในตัวเรานั้นมีเส้นพลังงานบางอย่างภายในตัว

              และนอกจากนี้ยังมีศูนย์รวมพลังงานอยู่ทั้งหมดถึง 7 จุดด้วยกัน บริเวณตำแหน่งตาที่สามคือจุดที่หก เรียกว่า   จักราที่หก หรือที่เรียกว่าอาชญะจักรนี่เอง การเปิดจักรานี้จะทำได้ก็ด้วยการเดินพลังงานชนิดหนึ่งที่มีอยู่ภายในร่างกายของคนเราที่เรียกว่า “พลังกุณฑาลินี” พลังงานชนิดนี้จะขดตัวอยู่ ณ บริเวณก้นกบ โยคีต้องทำการเข้าสมาธิเพื่อปลุกพลังงานดังกล่าวให้ตื่นขึ้นอย่างเหมาะสม การปลุกพลังกุณฑาลินีในตำราโบราณกล่าวว่าเป็นสิ่งที่อันตรายหากทำโดยไม่มีผู้รู้แนะนำแล้วพลังดังกล่าวเมื่อเคลื่อนตัวขึ้นมาสู่บริเวณหน้าผากหรือตำแหน่งตาที่สามจะก่อให้เกิดการเปิดจักรานี้เป็นผลให้บุคคลผู้นั้นมีภาวะเห็นสิ่งต่างๆที่ดวงตาของคนทั่วไปไม่อาจมองเห็นได้ เช่น การมองเห็นออร่าหรือรัศมีของร่างกายของคนเรา   การทำนายโดยใช้กระแสจิต เป็นต้น
ซึ่งพลังนี้ยังรวมไปถึงการปลดปล่อยพลังจิตเพื่อทำการโทรจิตก็ได้ และหากบุคคลผู้นั้นผ่านการฝึกฝนกสินมาด้วยแล้วย่อมสามารถปลดปล่อยพลังออกมาจากตาสามทำให้เกิดไฟขึ้นได้ เรียกว่าเพ่งไปที่ใดก็เกิดไฟลุกขึ้นที่นั่นเป็นดั่งพระฤาษีตาไฟนั่นเอง

 
ความเชื่อ เหล็กน้ำพี้ จากตำราพิชัยสงคราม กล่าวไว้ดังนี้
1. เหล็กน้ำพี้เป็นของขลัง มีของดีในตัวเองทุกอนูมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง
2. เหล็กน้ำพี้เป็นของอาถรรพณ์ เร้นลับ และมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ทุกๆ อณู
3. เหล็กน้ำพี้เป็นเหล็กอาถรรพณ์ ใช้ล้างอาถรรพณ์ได้นับนานาประการ แม้ผู้มีวิชาคงกระพันชาตรีเพียงไร เหล็กน้ำพี้สามารถฟาดฟันได้ทั้งหมด
4. เหล็กน้ำพี้สามารถป้องกันภูติผีปีศาจได้ วิญญาณ ภูติผี ปีศาจไม่กล้าเข้าใกล้
5. เหล็กน้ำพี้กันมนต์ดำ วิชาเดรัจฉานวิชา ป้องกันได้
ผู้ที่นำพกติดตัวจะป้องกันสิ่งเลวร้ายได้ตลอดกาลแล้ว ยังเป็นวัตถุมงคลเมตามหานิยมอยู่ยงคงกระพันชาตรี และแก้กันโรคภัยไข้เจ็บ ปกป้องคุ้มครองตนเองให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆได้ทั้งปวง