กลุ่มเช่าประมูล


กลุ่มประมูลซื้อขายพระ เครื่องราง
(facebook)

วิธีดูเขี้ยวสัตว์
แยกแยะเขี้ยว

กลุ่มหนึ่งตู้ม้า

LINE ID: 
spyamulet

FACEBOOK
หนึ่ง ตู้ม้า

สำหรับผู้สนใจ

ของศักดิ์สิทธิ์มีพลังมากขึ้นนั้น ต้องอาศัย"หัวใจของผู้บูชา"ด้วยเช่นกัน

***เคล็ดความศักดิ์สิทธิ์***
จะให้ของศักดิ์สิทธิ์มีพลังมากขึ้นนั้น ต้องอาศัย"หัวใจของผู้บูชา"ด้วยเช่นกัน
ยิ่งศรัทธามากเท่าไหร่ ยิ่งขลังมาก!!! 
ยิ่งมากคนบูชา ยิ่งมากความศักดิ์สิทธิ์
วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ปรอทกรอเนื้อเงิน

ปรอทกรอ เนื้อเงิน เสียงกังวาลใสมาก.....

ปรอทกรอ(ภายในลูกปรอทกรอนั้นว่ากันว่าเป็นของวิเศษกายสิทธิ์จำพวกเหล็กไหล หรือ ปรอทกายสิทธิ์) สุดยอดเครื่องรางแห่งการปกป้อง และเตือนภัย ที่หายาก เครื่องรางโบราณในตำนานที่สาบสูญการถ่ายทอด

ปรอทกรอ(ลูกสุนทรี) ปรอทกรอ เป็นเครื่องราง ของขลังยุคโบราณที่หายากมากชนิดหนึ่ง เชื่อกันว่าตามพระปรางค์ เจดีย์โบราณหรือพระอุโบสถ์หลังหนึ่ง มีฝังไว้เพียง 1 ลูกเท่านั้น มีสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยเชียงแสน มีใช้ในชนชั้นสูง เช่นวรรณะ กษัตริย์และแม่ทัพนายกอง เมื่อถูกสั่นสะเทือนแม้เพียงเล็กน้อยจะส่งเสียงร้องคล้ายจั๋กจั่น เสียงกังวานไพเราะ เมื่อมีโจรผู้ร้ายบุกรุก หรือยามช้างศึกม้าศึกกรีฑาทัพมาจะส่งเสียงร้องเตือนภัยแก่แม่ทัพนายกองได้ กลไกภายในยังเป็นความลับอยู่ เชื่อกันว่าเป็นธาตุกายสิทธิ์ปลุกเสกด้วยคาถาอาคม มีความคงทนมาก แม้จะผ่านกาลเวลามาหลายร้อยปี โดดเด่นทางป้องกันฟ้าผ่า สิ่งชั่วร้าย สิ่งอัปมงคลต่างๆ คงกระพันชาตรี นำโชคลาภความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่ผู้ครอบครอง และร้องเตือนภัยแก่ผู้เป็นเจ้าของได้ หากมีไว้บูชาในร้านค้าจะเรียกลูกค้าเข้าร้านได้และใช้ด้านเมตตามหาเสน่ห์ได้อีกด้วย

ปรอทกรอ เป็นเครื่องรางเก่าโบราณในตำนานที่ครูบาอาจารย์สมัยก่อนสร้างขึ้น (เพราะในยุคปัจจุบันไม่มีผู้ใดสร้างได้อีกแล้ว)

โดยมักจะพบอยู่ตามวัดร้างสมัยเก่า ผนังโบสถ์หรือเจดีย์ ใต้ฐานโบสถ์ ใต้ฐานชุกชีพระประธาน หรือในองค์พระเจดีย์

และก็อาจจะมีพบบ้างแถวกำแพงเมืองโบราณ ซึ่งบางแห่งบอกว่าพบเพียงที่ละ 1 ลูกเท่านั้น

แต่ในความเป็นจริง บางที่อาจจะพบปรอทกรอบรรจุอยู่มากกว่า 1 ลูกก็ได้

เช่น วิหารกรอ ลพบุรี ซึ่งพบปรอทกรอฝังเรียงรายอยู่ในผนังโบสถ์เก่า

สันนิษฐานว่า เพื่อช่วยให้เวลาที่พระสวดมนต์แล้วเกิดเสียงดังกังวานกระหึ่มไปทั้งโบสถ์

ปรอทกรอ เท่าที่พบแบ่งได้เป็นสามยุค คือ

1. ยุคลพบุรี

2. ยุคเชียงแสน (มักจะเป็นทองสัมฤทธิ์แล้วเปียกทอง)

3. ยุคอยุธยา (เนื้อหาจะเป็นทองสัมฤทธิ์คล้ายทางเหนือแต่ดูอายุเนื้อโลหะน้อยกว่า แต่ตะเข็บจะทำไม่ค่อยเนียนเท่ายุคเชียงแสน)

สำหรับการสร้างปรอทกรอขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์อะไรนั้น ก็ได้แต่สันนิษฐานกันไป

บ้างก็ว่าใช้สำหรับเตือนภัยเวลามีข้าศึกสงครามมา ม้าวิ่ง หรือมีเสียงสะเทือน ปรอทนี้ก็จะดังตามเสียงสะเทือน เป็นสัญญาณเตือนภัยให้รู้

บ้างก็ว่าเพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายและสิ่งอัปมงคลทั้งปวงที่เข้ามา รวมทั้งโจรผู้ร้าย เมื่อมีเหตุปรอทก็จะส่งเสียงดังเตือนให้รู้

ปรอทกรอ มีลักษณะเป็นโลหะทรงกลมกลวง มีหลายขนาดทั้งลูกใหญ่และเล็ก

ส่วนใหญ่จะมีขนาด 1-2 นิ้ว และมักจะไม่ค่อยพบเห็นรอยเชื่อม(ตะเข็บ) หรือถ้าเห็นก็จะเป็นเส้นขีดเล็กๆ

ซึ่งเป็นที่น่าอัศจรรย์ในการสร้างมากๆ ที่สมัยโบราณสามารถประกบโลหะได้สนิทถึงเพียงนี้

และที่สำคัญ คือ น้ำหนัก และการไหลของโลหะภายในปรอทกรอที่ทำให้เกิดเสียง

เชื่อกันว่า สามารถบอกเหตุร้าย และ ป้องกันเสนียดจัญไร ให้แก่เจ้าของได้

ภายในลูกปรอทกรอนั้นว่ากันว่าเป็นของวิเศษกายสิทธิ์จำพวกเหล็กไหล หรือ ปรอทกายสิทธิ์

ที่เกิดจากการเล่นแร่แปรธาตุของพระอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมได้เอามาใส่ไว้ โดยนำเอามาหุงและหลอมเป็นปรอทกายสิทธิ์

ฉะนั้นเวลาเขย่าจะคล้ายมีกริ่งอยู่ข้างใน

เคยมีคนผ่าดูข้างในปรากฏว่ามีความซับซ้อนมาก

ภายในจะเป็นกลไกทรงกลมซ้อนกันหลายๆ ชั้นและมีซี่ๆ คล้ายสายยูของนาฬิกาหรือหวีที่ใช้หวีผมสับเข้าหากันเวลาเขย่า

และมีลูกกลมๆ ที่มีสามสิบแปดเหลี่ยมเป็นของวิเศษอยู่ภายใน

เมื่อเวลาเขย่าลูกกลมๆที่มีเหลี่ยมนี้ก็จะไปทำให้ทรงกลมแต่ละชั้นหมุนตามลำดับ

จึงมีเสียงดังอึงอล บางลูกแม้เพียงจับปรอทภายในก็วิ่งเองได้

นับได้ว่าเป็นภูมิปัญญาโบราณที่สาบสูญการถ่ายทอดไปแล้ว

ปรอทกรอจะมี 2 ชนิดคือ ตัวเมียและตัวผู้ แยกกันโดยเสียง

- ตัวเมีย เสียงจะดังใสกังวานเหมือนกระดิ่ง หายากมากเพราะจะมีแค่อันเดียวคล้ายๆ เป็นตัวศูนย์กลาง

- ตัวผู้ เสียงดังคล้ายจักจั่น จับดูจะรู้สึกถึงการไหลภายใน และมีเสียงดังคล้ายจักจั่นร้องพบได้ง่ายกว่า เป็นตัวบริวาร

ลูกนี้เป็นปรอทกรอตัวผู้ เนื้อสำริด จากกรุทางเหนือ

ลูกใหญ่ขนาดประมาณ 3 ซม. เสียงไพเราะ แค่แตะนิดเดียวก็เกิดเสียงแล้ว

ความเก่าชัดเจน ผิวเกิดสนิมขุมเป็นรูพรุนแบบตามดและสนิมแดง ไม่เห็นรอยประกบ

หายากมากๆ ส่วนใหญ่เจอแต่ของปลอมที่ทำให้ดูเก่าแบบสนิมเขียว แถมทำเป็นมีคราบดินกรุติดอยู่เสียด้วย

แต่สิ่งหนึ่งที่ของปลอมทำไม่ได้ก็คือ เสียง ต่อให้ปลอมฝีมือดีแค่ไหน แต่เวลาเขย่าเสียงของๆ ปลอมจะดังแค่กุกกักคล้ายเราเขย่าพระกริ่งอย่างไรอย่างนั้น

แม้แต่ปรอทกรอของลป.ละมัย ที่ราคาแพงแสนแพงก็ยังไม่สามารถทำให้เสียงเหมือนกับของโบราณได้

"ปรอทกรอ" เครื่องรางแม่ทัพ 

ปรอทกรอ   ยอดเครื่องรางทนสิทธิ์ที่สุดยอด หนึ่งวัดฝังไว้ลูกเดียว ชิ้นนี้พบที่กรุวัดราชบูรณะ อยุธยา ถือได้ว่าเป็นกรุพระที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในสยาม บรรจุอยูในโถดินในสมัยนั้น "ปรอทกรอ" ของทนสิทธิ์ลี้ลับ อายูเกือบ 1000 ปี (ลูกนี้เป็นตัวเมียหายากมาก)เสียงดังไพรเราะมากและลูกใหญ่มากด้วย ส่วนมากจะพบเห็นแต่ตัวผู้ และลูกเล็กๆลูกนี้ผิวปรอทจะมีแร่นากค่อนข้างมากผิวออกเป็นนาก

"ปรอทกรอ" เป็นของดีที่วัดหนึ่งวัดจะมีอยู่ลูกเดียวอยู่ในอุโบสถ ขนาดมีหลายขนาดตามวรรณะชนชั้น

วัตถุประสงค์ในการครอบครอง ก็เพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายและสิ่ง อัปมงคลทั้งปวงคุณไสย ลมเพลมพัด ที่เข้ามา รวมทั้งโจรผู้ร้าย เมื่อเขามาปรอทก็จะส่งเสียงดังขึ้นมาเอง เพื่อเตือนภัยให้เราทราบถึงเหตุภัยนั้น

ภายในลูกปรอทกรอนั้นว่ากันว่าเป็นของวิเศษที่พระเถระอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมได้บรรจุปราณอันนำไปสู่กสิณเพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนของกลไกลี้ลับภายในและปิดปรอทกรอโดยการเล่นแร่แปลธาตุ โดยนำเอามาหุงและหล่อเป็นลูกปรอทกรอ โดยวิทยาศาสตร์สมัยนี้ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าโบราณนั้นทำปรอทกรอได้อย่างไร

"ปรอทกรอ" เป็นยุทโธปกรณ์ที่ใช้ในการทำสงครามสมัยโบราณ มีไว้ให้สำหรับผู้นำทับระดับแม่ทัพ และแม่ทัพจะมอบหมายให้นายกองเป็นผู้ใช้ เวลานอนจะเอาปรอทกรอวางไว้บนดินแล้วนอนเอาหูแนบปรอทกรอไว้

ข้าศึกขี่ม้าหรือช้างเข้ามาใกล้ ปรอทกรอจะสั่นได้ยินเสียง จะได้รู้ตัวก่อน ส่วนแม่ทัพนั้นก็จะมีไว้ที่หัวนอนเพื่อป้องกันสิ่งชั่วร้ายและสิ่งอัปมงคลทั้งปวงคุณไสย ลมเพลมพัด ที่จะเข้ามาถึงตัว ให้รู้ล่วงหน้า

คนสมัยก่อนว่ากันว่าถ้าใครได้มีปรอทกรอเก็บไว้ จะนำความร่มเย็นเป็นสุขมาให้ผู้ที่ครอบครอง และป้องกันสิ่งอัปมงคลทั้งปวง (เตือนเมื่อมีภัย)

เรื่องความหายากนั้น "ปรอทกรอตัวเมียจะหายากสุดๆ) วัดในสมัยก่อนจะมีฝังไว้ที่ใต้อุโบสถหรือในอุโบสถ ทุกวัดแต่หนึ่งวัด มีลูกเดียว

ปรอทกรอ  :

ปรอทกรอล้านนา หรือ ทางเหนือเรียกกว่า "หน่วยบะป่อย"นั้นเป็นหนึ่งในเครื่องรางล้านนาที่ถือได้ว่าเป็นยอดเครื่องรางทรงค่าหายาก หนึ่งวัดจะมีอยู่ลูกเดียวคือฝังไว้ที่ใต้ฐานพระอุโบสถขนาดมีหลายขนาดทั้งเล็กและใหญ่ ลูกเล็กมักจะเรียกกันว่า “ปรอทกรอตัวผู้ “ ลูกใหญ่มักจะเรียกกันว่า “ปรอทกรอตัวเมีย”

วัตถุประสงค์ของการสร้างปรอทกรอของล้านนาในสมัยโบราณนั้นก็คือการสร้างขึ้นเพื่อใช้ป้องกันสิ่งชั่วร้ายและสิ่งอัปมงคลทั้งปวง รวมถึงโจรผู้ร้ายที่คิดจะมาโขมยของในวัดเมื่อมีโขมยหรือสิ่งผิดปกติเข้ามาปรอทกรอก็จะส่งเสียงดังหรือ ที่เรียกกันว่า “ปรอทกรอวิ่ง”

ภายในลูกปรอทกรอนั้นว่ากันว่าเป็นของวิเศษกายสิทธิ์จำพวกเหล็กไหล หรือปรอทเรียก หรือ ปรอทสำเร็จ ที่พระอาจารย์ผู้เรืองวิทยาคมได้เอาเป็นส่วนผสมของลูกกลมเล็กๆด้านในปรอทกรอ โดยนำเอามาหุงและหล่อเป็นลูกปรอทกายสิทธิ์ ฉนั้นเวลาเขย่าปรอทกรอจะมีเสียงคล้ายมีกริ่งอยู่ข้างในปรอทกรอนั่นก็คือลูกกลมเล็กๆที่ว่านี่เอง

สำหรับที่ค้นพบปรอทกรอนั้นส่วนมากจะพบในดินที่เป็นเคยเป็นบริเวณวัดเก่า หรือ ที่คนทางเหนือล้านนาเรียกว่า วัดร้าง หรือ วัดห่าง นั่นเอง

บ้างจะพบโดยบังเอิญจากการขุดพบหรือจากการขุดที่ถมที่ ในสถานที่เคยเป็นวัดร้างมาก่อน บางท่านก็ได้รับเป็นมรดกตกทอดมาจากปู่ย่าตายาย

เคยมีคนผ่าดูข้างในปรากฏว่ามีความซับซ้อนมากคล้ายหวีที่ใช้หวีผม สับเข้าหากันเวลาเขย่า และมีลูกกลมๆเป็นของวิเศษอยู่ภายใน ประเภทเหล็กไหลเป็นลูกกลมที่มีหลายเลี่ยม เรื่องความหายาก วัดในสมัยก่อนจะมีฝังไว้ที่ใต้อุโบสถทุกวัดแต่หนึ่งวัดจะมีฝังไว้เพียงลูกเดียวเท่านั้น

วิธีการใช้ : ใช้ห้อยคอหรือ พกพาติดตัว(ไม่ควรต่ำกว่าระดับเอว) ใส่พานบูชา หรือ บรรจุบนหัวเสาเรือน

อาณุภาพ : คนสมัยก่อนเชื่อกันว่าปรอทกรอจะนำความร่มเย็นเป็นสุขมาให้ และป้องกันสิ่งอัปมงคลทั้งปวง เตือนเมื่อมีภัย บูชาไว้เป็นสิริมงคลให้ลาภ และคุ้มกันบ้านเรือนและผู้อาศัย